Wednesday, 29 March 2023

ลอยกระทง ไม่หลงทาง อ.เจษฎา เตือนเลี่ยงกระทงขนมปัง ส่งผลเสียกว่าที่คิด

“อ.เจษฎา” เตือนหลีกเลี่ยง “กระทงขนมปัง กระทงกรวยไอศกรีม” หลังจากคนคิดผิดคิดว่าดีต่อสิ่งแวดล้อม แต่ว่าในความเป็นจริงแล้วกลับกลายเป็นปัญหา ทำให้น้ำเน่าเสีย พร้อมแนะแนวทาง “ประเพณีลอยกระทง” ลดภาระสิ่งแวดล้อม

วันที่ 7 พฤศจิหายน 2565 ศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเพจ อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ โดยกล่าวว่า “หลีกเลี่ยงกระทงขนมปัง ทำลายสิ่งแวดล้อม”

วันอังคารที่ 8 เดือนพฤศจิกายนนี้ จะเป็นวันประเพณีลอยกระทง 2565 ซึ่งคาดว่าปีนี้ หลังจากที่บรรเทาเรื่องมาตรการโควิด-19 แล้ว คงจะมีคนออกไปร่วมเทศกาลปีนี้มากยิ่งขึ้นกว่าปีที่แล้วมา และปริมาณของ “ขยะกระทง” ที่ไปลอยกัน ก็คงจะเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมอีก (จากที่เคยเยอะมากอยู่แล้วในแต่ละปี)

ลอยกระทง

ก็เลยขอเตือนล่วงหน้าอีกครั้ง ว่าในความเป็นจริงแล้ว ถ้าหากให้ดีที่สุด

ก็ลอยกระทงออนไลน์ตามเว็บต่าง ๆ ไปเลย แต่ว่าถ้าหากยังจำเป็น ยังนิยม ไปลอยกระทงกัน ก็ขอให้เลือกกระทงที่ไม่มีผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมมากนัก ดังเช่น กระทงน้ำแข็ง หรือกระทงเทียน (เก็บขึ้นมาหล่อใช้ใหม่ได้)

และที่จะต้องเน้นย้ำกันทุกปี คือ ขอให้หลีกเลี่ยงกระทงที่ย่อยสลายเร็วและให้สารอินทรีย์สูง อย่างเช่น กระทงขนมปัง กระทงกรวยไอศกรีม อื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งเป็นกระทงที่คนคิดผิดกันเยอะมากว่าดีต่อสิ่งแวดล้อม แต่ว่าในความเป็นจริงแล้วกลับกลายเป็นปัญหามากยิ่งกว่า ถ้าหากรอบ ๆ ที่ลอยนั้น ไม่ได้มีปลามากพอเพียงที่จะกินขนมปังจนกระทั่งหมด และส่งผลทำให้น้ำเน่าเสียได้ง่าย ถ้าหากอยู่ในแหล่งน้ำที่ค่อนข้างปิด

ขอยกความเห็นของ ดร.อาภา หวังเกียรติ ผู้ช่วยคณบดีวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ที่เคยเตือนว่า กระทงขนมปังถึงจะย่อยสลายได้ แต่ว่าก็เป็นสาเหตุทำให้มีการเกิดน้ำเน่าได้

สาเหตุเพราะว่าขนมปังเป็นชนิดสิ่งที่เป็นสารอินทรีย์ ซึ่งสารอินทรีย์ก็คือ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน โดยธรรมชาติถ้าหากสารอินทรีย์เหล่านี้ลงไปอยู่ในแม่น้ำ มันก็จะมีจุลินทรีย์พวกแบคทีเรียมากินเป็นอาหาร ถ้าหากใช้กระทงขนมปังลอยน้ำในจำนวนมาก จุลินทรีย์ในน้ำกลุ่มนี้จะดึงออกซิเจนในน้ำมาใช้เพื่อกระบวนการทำงานของพวกมัน เมื่อใช้ออกซิเจนในน้ำมากไป จะกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดน้ำเน่าเสียได้

ลอยกระทงไม่หลงทาง

ขอยก “7 แนวทาง สำหรับในการลอยกระทงเพื่อลดภาระสิ่งแวดล้อม” ของสถาบันสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย มาเผยแพร่ดังต่อไปนี้

1. ไปด้วยกันใช้กระทงเดียวกัน ตัวอย่างเช่น ครอบครัวละหนึ่ง คู่รักละหนึ่ง กรุ๊ปละหนึ่ง เพื่อ “กระทงจะได้ไม่หลงทาง” เป็นการลดปริมาณกระทงที่จะมีผลเสียต่อแหล่งน้ำ และเป็นภาระจัดเก็บหลังที่เสร็จงาน และช่วยประหยัดสำหรับคนที่จะซื้อกระทงอีกทางหนึ่งด้วย

2. เลือกใช้วัสดุธรรมชาติ โดยใช้หยวกกล้วย กาบกล้วย ใบกล้วย นำเป็นประดิษฐ์กระทง ประดับโดยการใช้กลีบดอกบัวหรือดอกไม้ กระทง กลัดด้วยไม้แทนหมุด ในลักษณะนี้จะไม่ย่อยสลาย หรือจมลงเร็วเกินไป สามารถจัดเก็บและนำไปกำจัดได้ง่ายหลังจากเสร็จงาน หรือถึงแม้มีบางส่วนที่เล็ดลอดออกสู่สิ่งแวดล้อมก็สามารถย่อยสลายได้

3. หลีกเลี่ยงการใช้วัสดุกระดาษ ซึ่งอาจจมน้ำหรือเปียกน้ำ แล้วจะยุ่งยากสำหรับการจัดเก็บ พอ ๆ กับเป็นการสูญเสียทรัพยากรไป และควรนำไปรีไซเคิล ที่เกิดประโยชน์มากกว่า

4. หลีกเลี่ยงการใช้วัสดุพวกแป้งพวกขนมปัง ที่ตั้งใจจะให้เป็นของกินของปลาและสัตว์น้ำ แต่ว่าวัสดุเหล่านี้ซับน้ำได้เร็ว ยุ่ยง่าย จมเร็ว และเป็นสารอินทรีย์ย่อยสลายได้เร็ว ถ้าหากมีจำนวนมาก สัตว์น้ำไม่สามารถกินได้หมด จะก่อให้แหล่งน้ำเน่าเสียเพิ่มขึ้น ถือว่าเป็นการเพิ่มความสกปรกให้แหล่งน้ำ โดยเฉพาะอย่างในสระน้ำ บึง หรือหนองน้ำที่น้ำไม่ไหลเวียน หรือแหล่งน้ำนิ่ง

5. ควรที่จะเลือกวัสดุประเภทเดียวกัน เพื่อความสะดวกสำหรับในการแยกกระทงไปจัดการต่อของหน่วยงานที่รับผิดชอบ เมื่อได้ทำการจัดเก็บหลังที่เสร็จงานแล้ว อย่างเช่น ทำมาจากใบกล้วยหรือวัสดุธรรมชาติเป็นอินทรีย์ทั้งกระทง

6. งดการวัสดุพลาสติกและโฟม ซึ่งเป็นวัสดุที่ย่อยสลายยาก พลาสติกบางชิ้นและโฟมไม่เหมาะสมสำหรับในการนำไปรีไซเคิล ถ้าหากเล็ดลอดสู่แม่น้ำและทะเล แล้วก็จะใช้เวลาหลายร้อยปีสำหรับการย่อยสลาย เมื่อปีที่แล้วมายังเจอการใช้กระทงโฟมอยู่บ้าง ปีนี้ก็เลยขอความรวมมืองดการใช้อย่างเอาจริงเอาจัง

7. งดเว้นใช้ลวดแม็กซ์หมุดตะปู สำหรับในการยึดวัสดุทำกระทง เพราะว่าสิ่งพวกนี้อาจหลุดและตกลงสู่แหล่งน้ำ ทำให้เป็นอันตรายได้และถ้าหากจัดเก็บกระทงมาได้ก็ยากสำหรับในการคัดแยกเพื่อนำไปจัดการอย่างถูกวิธี จึงควรใช้ไม้กลัดจากวัสดุธรรมชาติแทน